บทความ

แชร์ประสบการณ์มีรถครั้งแรก - 1 (2020)

รูปภาพ
 เราเป็นคนที่สมัยเรียน และตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่ได้มีความคิดอยากได้รถยนต์เลย สาเหตุมาจาก 1. เรามองว่ารถเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อมาแล้วราคาตกเลย 2. เราชอบนอนเวลานั่งรถ มันสบาย  ความคิดเราเปลี่ยนไป พอเริ่มทำงานไปเรื่อยๆ ความคิดก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่อยากได้ อยู่ดีๆ ก็อยากได้ขึ้นมาซะงั้น อยากได้เพราะหดหู่กับระบบคมนาคม  วันที่หดหู่ที่สุดในชีวิตคือ วันฝนตก เรียกแท็กซี่ไปแถวบ้านก็ไม่ไป ยืนรอรถโดยสารนานมากๆ ทั้งโกรธทั้งโมโหกับระบบคมนาคมของไทย  นอกจากความหดหู่ อีกความคิดที่ทำให้อยากได้รถคือตอนที่ติดรถคนอื่นบ่อยๆ รบกวนคนอื่นบ่อยๆ ติดรถไปประชุมบ้าง ไปทำงานบ้าง ไปเที่ยวบ้าง อยู่ๆมันก็อยากได้ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ อยากได้ขนาดว่าเปิดดูราคาเรื่อยๆ เลือกดูเรื่อยๆ ไปโชว์รูม ไปลองนั่ง ถามราคา คุยกับเซลล์ ตั้งใจว่าเราซื้อแน่ๆ ไม่ปีนี้ก็ปีหน้าแหละ เราจะได้มีรถไปไหนมาไหนสะดวกสักที ไม่ต้องรบกวนคนอื่น  ( เรามีเหตุผลในการซื้อให้ตัวเองเสมอ เวลาอยากได้อะไรสักอย่าง ^^ ) พออยากได้มากๆ จู่ๆมันก็ได้มาแบบไม่ตั้งตัวเลย  เนื่องจากญาติเราจะซื้อรถใหม่ เค้าเลยจะปล่อยคันเก่าที่เค้ามีอยู่ เราสนใจทันที เพราะเรานั่งรถคันนี้บ่อย

Day2# เห็นของที่ตัวเองเขียนบนหน้าจอแล้วรู้สึกดีมากๆเลย

เขียนหลังจากทำงานอาทิตย์แรก ตอนนี้เราแบ่งหน้าจอบางส่วนของเว็บไซต์มาทำ ที่มีปัญหามากสุดตอนนี้ น่าจะเป็น skill CSS ของเราเอง โดยเฉพาะเรื่อง layout ที่เราใช้เวลานานมากๆกว่าจะให้ได้ออกมาตามที่ต้องการ จนบางครั้งทำไปทำมารู้สึกว่าใช้เวลานานเกินไปและ ไม่ได้สักที เลยต้องเดินไปสะกิดโต๊ะคนข้างๆที่เป็น mentor คนนี้โดนมอบหมายมาให้สอนงานเราช่วง probation นี้ เราก็เดินไปแล้วบอกกับเค้าว่า เราติดปัญหาตรงนู้น นี่ นี่ นั่น (วันๆนึงสะกิดประมาณ 4-5 รอบได้) เค้าฟังๆ บางอันถ้าแก้ได้ตอนนั้นเลย เค้าก็จะบอกวิธี แล้วเราก็แก้โค้ดในเครื่องเราเอง แต่อันไหนที่มันเริ่มยิบย่อย แก้อันนู้น กระทบอันนี้ ถ้าเค้าไม่ยุ่งมาก ก็จะใช้วิธีให้เรา push code ขึ้น git ไปก่อน เดี๋ยวเค้าลองดูให้ ถ้าแก้เสร็จแล้วเดี๋ยวเราเค้า pull มา merge แล้วทำต่อ เราทำงานที่นี่แค่ได้แค่อาทิตย์เดียว แต่รู้สึกว่าตัวเองทำงานเป็นระบบขึ้นเยอะ ที่นี่มีระบบงานชัดเจน เข้า ออก งานตรงเวลา หรือถ้าอยากทำเพิ่มค่อยแจ้งไปที่ Project manager (PM) ส่วนเรื่องการเขียนโค้ด และการจัดการ ที่ใช้อยู่คือ Github และ Jira Task ถูกวางไว้หมดเรียบร้อยแล้วต

Day1# ทำงานวันแรก

เข้าทำงานวันแรก รีบไปแต่เช้ามาก เพราะยังไม่เคยไปสถานที่จริงเลย ไปถึงตั้งแต่ 8 โมง ออฟฟิสเงียบ ไม่มีคน ไฟยังไม่เปิด เลยเดินลงลิฟต์มานั่งกินกาแฟข้างล่าง ใกล้ๆ 9 โมงเลยเดินขึ้นไปใหม่ ยังไม่มีคนมาทำงานอีกอยู่ดี เห็นแต่ป้าแม่บ้าน เลยคุยกับแม่บ้านไปพลางๆก่อน พร้อมกับแนะนำตัวว่า พึ่งมาทำงานวันแรกค่ะ เลยมาเช้า ป้าเลยพาเดินดูออฟฟิสข้างนอกฆ่าเวลา 9 โมงเป๊ะ มีคนมาเปิดประตูพอดี คนในออฟฟิสเดียวกันกับเรามาแล้ว ตื่นเต้นมาก คนที่เราพาเราไปที่โต๊ะ แล้วก็ช่วยแนะนำเกี่ยวกับออฟฟิศ แล้วก็ช่วยแกะคอม ประทับใจมาก ของที่สั่งไปได้ครบเกือบหมด ยกว้นจอมอนิเตอร์ที่ยังไม่มา ออฟฟิสเงียบมาก เราทำตัวไม่ถูก 555 วันนี้วันแรก เลยยังไม่ได้เรื่มงานอะไรเยอะ ก็มีเซ็นสัญญา เซ็ตคอม นั่งฟัง brief project ต่างๆในบริษัท มีหลายอย่างให้เรียนรู้อีกเยอะเลย มาอยู่นี่แทบไม่ได้พูดภาษาไทยกะใครเลย พูดเยอะสุดก็กับป้าแม่บ้านเมื่อเช้าแหละมั้ง 555

รีวิวการสมัครงานใหม่ ของเราเอง :)

เรื่องนี้เริ่มต้นจากการอยากย้ายงานมากๆ เราอยู่ที่เดิมมานาน รู้สึกว่าการตื่นไปทำงานแต่ละวันช่างหนักหน่วงสำหรับเราเหลือเกิน ยิ่งอยู่ไฟยิ่งมอดลงๆ เราให้เวลากับตัวเองนานพอสมควร เพราะรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังไม่อยากออก เพราะรู้สึกว่าก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ มีหลายอย่างยังต้องรับผิดชอบ แต่ความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้คือ "ออกเถอะ" 555+ พอคิดแบบนั้น ก็เลยเริ่มตอบรับ recruiter ที่ทักมาบ่อยๆใน LinkedIn ว่า เราก็มองหาโอกาสใหม่ๆในการทำงานเหมือนกัน  คำถามยอดฮิตเวลาคุยกับ recruiter มีดังนี้ - ความสามารถของเราเอง เคยทำอะไรมาบ้าง - ทำไมอยากย้ายงาน - ที่เก่าเงินเดือนเท่าไหร่ - คาดหวังเดือนเท่าไหร่  - เริ่มงานได้เมื่อไหร่ ปกติเราก็คุยผ่านช่องแชทใน LinkedIn นั่นแหละ ถ้าเค้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวเค้าโทรมาคุยกับเราอีกที ช่วงที่ผ่านมาเราคุยกับ recruiter หลายคน ลักษณะการดำเนินงานก็จะต่างกันออกไปตามแต่ละเจ้า ส่วนใหญ่คือพอคุยกับ recruiter แล้ว เค้าจะหางานที่เข้ากับเรามาให้ แล้วลองให้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทดู ซึ่งการสัมภาษณ์ มีทั้งแบบที่  phone inter

[Movie] Joker ไม่มีใครอยากเป็นตัวตลกในชีวิตจริง

รูปภาพ
Joker (2019) วันนี้ได้มีโอกาสดูเรื่อง Joker ซึ่งเป็นเรื่องของชายที่อาศัยอยู่ในอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อ อาเธอร์ เป็นชีวิตที่เรียกได้ว่าทั้งถูกกดขี่ ถูกหยาดหยาม ทั้งชีวิตเจอแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง นอกจากโรคทางจิตเวชที่เผชิญอยู่ ยังต้องมาเจอกับสารพัดปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา อาเธอร์มีความฝันอยากเป็นนักแสดงตลกเดี่ยว น่าจะอารมณ์เดี่ยวไมโครโฟน แต่เหมือนกับว่าคนกลับไม่ได้สนุกกับเรื่องเล่าของเขาเลยแม้แต่น้อย ชีวิตเค้าต่างหากที่น่าตลกยิ่งกว่า โรคที่เขาเป็นอยู่คืออาการที่ควบคุมการหัวเราะไม่ได้ เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งในกลุ่ม Pseudobulbar affect (PBA) ซึ่งผู้ป่วยอาจจะแสดงออกด้วยการร้องไห้ หรือหัวเราะออกมา ในกรณีของอาเธอร์ เป็น Pathological laughing คืออาการที่ควบคุมการแสดงอารมณ์ไม่ได้ และหัวเราะออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องตลกเลยด้วยซ้ำ อาการที่เป็นคือมีอาการหัวเราะอย่างรุนแรง ควบคุมไม่ได้ การแสดงสีหน้าไม่ตรงกับอารมณ์ สิ่งนี้ส่งผลกับการดำเนินชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก เพราะถ้าคนไม่เข้าใจ ก็จะพาลโมโหไปว่าทำไมต้องหัวเราะ มีเรื่องอะไรให้ขำนักหนา ทั้งๆที่เรื่องมันไม่ตลกเลยสักนิด

การตลาดแบบ Mixtuarant - จับคู่ธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจอื่น

รูปภาพ
วันนี้มีโอกาสได้ดูคลิปวีดีโอหนึ่งเรื่องการตลาด เป็นการทำการตลาดแบบจับคู่ธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจอื่นเข้ามาไว้ด้วยกัน  การตลาดแบบนี้ถูกเรียกว่า Mixtaurant (mix+restaurant) ร้านตัดผม x บาร์ ร้านซักรีด x คาเฟ่ ยิม x ร้านขายสลัด ยกตัวอย่าง ร้านตัดผม x บาร์ เป็นเรื่องของร้านตัดผมที่ยกบาร์มาเปิดไว้ใกล้ๆด้วย ชื่อร้าน  MERICAN BARBERSHOP FUK  ร้านนี้พิเศษตรงนี้มีบาร์ให้บริการด้วย โดยลูกค้าที่มาตัดผม จะสามารถรับเครื่องดื่มจากบาร์ได้เลยฟรี 1 แก้ว  ลูกค้าสามารถนั่งเลือกแบบ คุยกับช่างตัดผม เลือกรูปแบบทรงผม จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ ระหว่างรอได้ ทำให้การรอตัดผมกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลย นอกจากที่ ทางร้านยังมีอาหารให้บริการอีกด้วย ถ้าเกิดหิวระหว่างรอตัดผม หรือตัดผมเสร็จแล้วก็สามารถไปหาอะไรอร่อยๆทานได้เลย เราเป็นธุรกิจอีกแบบที่น่าสนใจ และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจด้วย